การเลือกใช้ ชนิดของสติกเกอร์สินค้าให้เหมาะสมกับงาน

สติกเกอร์สินค้าองค์ประกอบสำคัญของบรรจุภัณฑ์ที่ดี

สติกเกอร์สินค้า

ร้านค้าหรือธุรกิจค้าปลีกขนาดเล็กใหญ่ ที่กำลังมีความคิดว่าอยากจะผลิต สติกเกอร์สินค้า สำหรับติดลงบนบรรจุภัณฑ์ของสินค้าต่างๆ ของคุณ ไม่ว่าจะเป็นถุง, ขวด หรือกล่องที่ใส่สินค้าแล้งยังเกิดความลังเลสงสัยว่า ควรจะต้องเลือกใช่สติกเกอร์แบบไหนถึงจะดีที่ดีและเหมาะสมกับสินค้าของคุณมากที่สุด เพราะสติกเกอร์ที่มีใช้อยู่ในปัจจุบันก็มีอยู่หลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทก็มีคุณสมบัติที่เหมาะสมกับประเภทการใช้งานหรือบรรจุภัณฑ์ที่แตกต่างกันไป

นอกเหนือจากการออกแบบบรรจุภัณฑ์หรือแพ็คเกจจิ้ง ที่ต้องนำศาสตร์และศิลป์ทั้งเรื่อง Branding, Marketing หรือแม้กระทั่งหลักของจิตวิทยาในการที่จะสร้างแรงดึงดูดใจให้ผู้บริโภคสนใจ จดจำ ไปจนกระทั่งตัดสินใจซื้อสินค้าของคุณ ซึ่งหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของบรรจุภัณฑ์ที่ดีน้ัน จะต้องมีฉลากสินค้าซึ่งธุรกิจส่วนใหญ่จะเลือกใช้ สติกเกอร์สินค้า เพื่อลดต้นทุนของบรรจุภัณฑ์ให้มีราคาที่ถูกลง แต่การจะเลือกใช้สติกเกอร์นั้น จะต้องทราบความแตกต่างของสติกเกอร์แต่ละชนิด คุณสมบัติที่เป็นข้อดีและข้อเสียแต่ละประเภท เพื่อเลือกใช้ให้เหมาะสมกับงานและสินค้าแต่ละประเภท นั่นเอง

ประเภทของสติกเกอร์ที่นิยมใช้ในงานพิมพ์ สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ สติกเกอร์กระดาษและสติกเกอร์ที่เป็นพลาสติก ซึ่งแต่ละประเภทสามารถแบ่งได้หลายชนิด เพื่อให้สามารถเลือกใช้งานให้เหมาะสมกับงาน ดังนี้

สติกเกอร์สินค้า” ที่เป็นกระดาษ สามารถแบ่งออกได้ 3 แบบคือ

  1. สติกเกอร์กระดาษขาวด้าน : จะมีลักษณะคล้ายกระดาษ A4 หรือกระดาษที่ใช้ถ่ายเอกสารโดยทั่วไป แต่มีความแตกต่างตรงที่อีกด้านจะมีกาวที่ไว้ใช้ติดบนพื้นผิวของวัสดุต่างๆ โดยด้านที่เป็นกระดาษไม่มีกาวจะสามารถเขียนได้ มีคุณสมบัติที่ดีคือ ทนความร้อนได้ ราคาถูก แต่ข้อเสียก็คือ ฉีกขาดได้ง่ายและไม่กันน้ำ หากสติกเกอร์โดนน้ำจะหลุดออกเป็นขุยและฉีกขาด ส่วนใหญ่จะนิยมนำไปใช้สำหรับงานที่ไม่ต้องการความทางการ หรือทนทานมาก ฉะนั้น จึงไม่ นิยมนำสติกเกอร์ชนิดนี้ไปใช้เป็น สติกเกอร์สินค้า สำหรับติดบนกล่องหรือขวดของบรรจุภัณฑ์ที่ต้องสัมผัสกับน้ำ ความเย็นหรือความชื้น นั่นเอง

  2. สติกเกอร์กระดาษขาวมัน : ต่างจากสติกเกอร์แบบด้านตรงที่มีความมันเงา และมีราคาสูงกว่าแบบด้าน สติกเกอร์ชนิดนี้สามารถนำไปติดเป็นฉลากสินค้าได้เพราะมีความเหนียวและทนทานมากกว่าแบบด้าน สามารถนำไปติดบนพื้นบรรจุภัณฑ์ที่ต้องเจอกับความเย็นหรือความชื้นได้ (แต่ไม่ใช่ขนาดแช่หรือจุ่มน้ำได้) อีกทั้งความมันเงาจะช่วยให้สีสัน ลวดลายและรายละเอียดสำคัญใน สติกเกอร์สินค้า ของคุณสวยงามมากขึ้นด้วย

  3. สติกเกอร์กระดาษคราฟท์ : เป็นสติกเกอร์ที่มีพื้นสีเป็นสีน้ำตาล ซึ่งจะช่วยให้ฉลากสินค้าของคุณดูคลาสสิกมากขึ้น มีคุณสมบัติที่ดีกว่าสติกเกอร์ที่เป็นแบบด้านและมัน คือมีความเหนียวและแข็งแรงมากกว่า ทนต่อแรงอัดหรือกางกระทบกระแทกจากภายได้ สามารถเปียกน้ำหรือน้ำมันได้ประมาณหนึ่ง และคุณสมบัติที่ดีอีกประการก็คือ กระดาษคราฟท์ถือเป็นกระดาษที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมชนิดหนึ่ง จึงนิยมนำมาใช้กับผลิตภัณฑ์ออแกนิกส์, สินค้าเกี่ยวกับสุขภาพ หรือแบรนด์ผลิตภัณฑ์ที่มีสารสกัดจากธรรมชาติ เป็นต้น
 

สติกเกอร์สินค้า” ที่เป็นพลาสติก สามารถแบ่งออกได้ 5 แบบคือ

  1. สติกเกอร์พีพี (PP) : วัสดุ PP หรือที่เรียกแบบชื่อเต็มว่า Polypropylene เป็นพลาสติกสีที่มีให้เลือกทั้งแบบ สีขาวด้าน, สีขาวมัน และสีใสแบบมัน มีความเหนียวแน่นไม่ฉีกขาดง่าย เมื่อเจอแรงอัดหรือกระแทกได้ดีกว่าสติกเกอร์แบบกระดาษ และหากคุณเลือกแบบที่มีความมันเงา สีสันหรือลวดลายบนสติกเกอร์จะดูคมชัดสวยงาม นอกจากนั้นยังมีคุณสมบัติที่ทนต่อความเย็น ความชื้นหรือน้ำ รวมถึงความร้อนมากกว่าแบบ PVC สามารถนำเข้าไมโครเวฟได้ สามารถนำไปเคลือบสารกันน้ำเพิ่มเติมได้อีกด้วย จึงนิยมนำมาเป็น สติกเกอร์สินค้า หรือบรรจุภัณฑ์ประเภทอาหาร, เครื่องดื่ม, น้ำมัน หรือขวดผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดประเภทต่างๆ

  2. สติกเกอร์พีวีซี (PVC) : สติกเกอร์พลาสติกชนิดนี้มีทั้งชนิด สีขาวด้าน, สีขาวมัน และสีใสแบบมัน (เหมือนกับแบบสติกเกอร์ PP) แต่มีชนิดที่เป็น 3M ให้เลือกเพิ่มเติมด้วย ข้อดีของสติกเกอร์พีวีซีนี้คือสามารถกันนำ้ได้ 100% สามารถทนความร้อนได้ประมาณ 40-60 องศาเซลเซียส จึงเป็นที่นิยมนำมาเป็น สติกเกอร์สินค้า ของผลิตภัณฑ์ที่ต้องเจอกับน้ำและความชื้นได้เป็นอย่างดี เช่น ขวดหรือหลอดครีมเซรั่มต่างๆ นอกจากนั้นยังนิยมนำมาใช้เป็นสติกเกอร์ติดกระจกสำหรับตกแต่งอาคารได้อีกด้วย

  3. สติกเกอร์พีโอ (PO) : เป็นสติกเกอร์พลาสติกที่มีความยืดหยุ่นพอสมควร จึงใช้ได้ดีกับการใช้เป็นฉลากผลิตภัณฑ์ที่มีความไม่เรียบเนียน เช่น ถุงข้าวสุญญากาศ หรือถุงเก็บของเหลวต่างๆ

  4. สติกเกอร์พีอี (PE) : เป็นสติกเกอร์ที่มีความยืดหยุ่นสูง เพราะเนื้อของสติกเกอร์มีความนิ่มแต่เหนียวและมีความทนทานมากกว่าสติกเกอร์แบบ PP จึงสำหรับใช้งานกับบรรจุภัณฑ์ที่ต้องกดหรือบีบเป็นประจำ เช่น หลอดบีบครีม, เซรั่ม หรือสกินแคร์ต่างๆ, ซองใส่ของเหลว อย่าง ซอส, เครื่องปรุงสำหรับอาหารหรือเครื่องดื่มต่างๆ

  5. สติกเกอร์พีอีที (PET) : เป็น สติกเกอร์สินค้า อีกชนิดที่นิยมอย่างมากในทุกอุตสาหกรรมการผลิตข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ รวมถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีอุณหภูมิสูง เหมาะมากสำหรับใช้เป็นฉลากของผลิตภัณฑ์ได้หลากหลาย เพราะมีคุณสมบัติที่ทนทาน กันน้ำได้100% ฉีกไม่ขาด สามารถทนต่อสารเคมีและความร้อนสูงได้ถึง 140-200 องศาเซลเซียส สติกเกอร์ชนิดนี้จึงมีราคาสูง อีกทั้งยังทำให้หมึกที่พิมพ์ลงไปบนสติกเกอร์สามารถติดทนนานกว่าสติกเกอร์ชนิดอื่น และสามารถใช้ควบคู่กับเทคนิคพิมพ์ได้หลากหลายอีกด้วย
 

นอกจากการเลือกสติกเกอร์ที่เหมาะสมประเภทต่างๆ ให้กับผลิตภัณฑ์ของคุณได้แล้ว โรงพิมพ์ต่างๆ ส่วนใหญ่ก็จะมีเทคนิคพิเศษที่จะช่วยทำให้ สติกเกอร์สินค้า ของคุณดูโดเด่น หรูหรา น่าใช้งานหรือเลือกซื้อได้อีกด้วย เช่น

  • เทคนิคการปั๊มนูน ส่วนใหญ่จะใช้เทคนิคนี้เพิ่มความโดดเด่น ช่วยทำให้ฉลากสินค้าดูมีดีไซน์เพิ่มขึ้น นิยมใช้เทคนิคนี้เพิ่มกับชื่อแบรนด์ โลโก้แบรนด์หรือสัญลักษณ์ใดๆ ที่เป็นจุดขายของสินค้า
  • เทคนิคการปั๊มฟอยล์ สามารถเลือกได้ 2 สีคือ สีเงินและสีทอง หรือเลือกเป็นแบบปั๊มทองเคได้ เทคนิคนี้ช่วยเพิ่มความหรูหรา ดูพรีเมี่ยมให้กับแบรนด์หรือสินค้าของคุณได้


แต่การสั่งผลิต สติกเกอร์สินค้า นั้นไม่ใช่แค่การรู้ประเภทและชนิดของสติกเกอร์ หรือการเพิ่มเทคนิคพิเศษต่างๆ เพียงเท่านั้น แต่การเลือกเทคนิคงานพิมพ์ให้มีความเหมาะสมกับชนิดของสติกเกอร์ที่เลือกก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะจะช่วยให้ฉลากสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ของคุณมีความคมชัด สวยงามและมีอายุการใช้งานที่ยาวได้ด้วย เช่น

  • สติกเกอร์กระดาษขาวมัน/ ขาวด้าน/ แบบกระดาษคราฟท์/ สติกเกอร์ PP, PE เหมาะสำหรับงานพิมพ์ด้วยระบบดิจิตอลอออฟเซ็ต
  • สติกเกอร์ PVC แบบขาวเงา/ขาวมันใส/ขาวด้าน/3M เหมาะกับงานที่พิมพ์ด้วยระบบอิงค์เจ็ท เป็นต้น
 

ทั้งหมดนี้คือข้อมูลสำคัญที่คุณควรทราบ เมื่อต้องการผลิต สติกเกอร์สินค้า ของคุณ ที่ All in one printing นำมาเสนอให้กับคุณ หากคุณต้องการผลิตงานพิมพ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น หนังสือ, พิมพ์คู่มือ, โบว์ชัวร์, โปสเตอร์, พิมพ์หัวจดหมาย, พิมพ์บิล รวมไปถึงกล่อง, คูปอง, เมนู, ปฏิทิน, แคตตาลอกสินค้า, พิมพ์สติกเกอร์ต่างๆ, ฉลากสินค้า หรือพิมพ์อิงค์เจ็ท ฯลฯ เราคือโรงพิมพ์ที่รับผลิตสื่อสิ่งพิมพ์แบบครบวงจร ที่มีให้คุณเลือกพิมพ์งานได้ทั้ง การพิมพ์ออฟเซ็ตและการพิมพ์ดิจิตอล ด้วยเครื่องพิมพ์คุณภาพดีได้มาตราฐานไว้พร้อมรองรับงานพิมพ์ของคุณ ไม่ว่าจะเป็นงานพิมพ์จำนวนน้อยหรือมาก เราก็สามารถสร้างสรรค์งานพิมพ์คุณภาพดีให้กับคุณ

ติดต่อเราโรงพิมพ์ โรงพิมพ์ดิจิตอล All in One Printing
รับพิมพ์ซองจดหมาย 
พิมพ์คูปอง พิมพ์บิล

https://www.allinoneprinting.co.th
โทรศัพท์ : 02-115-3468
โทรศัพท์ : 02-865-2689, 02-865-2493
อีเมล : sale8.aiop@gmail.com



Visitors: 164,611